Latitude : longittude :
ชื่อสามัญ : | cabbage looper |
---|---|
ชื่ออื่น : | หนอนคืบ หนอนเขียว |
วงศ์ : | Noctuidae |
ความสำคัญ และลักษณะการทำลาย : | หนอนคืบกะหล่่าเป็นหนอนขนาดกลางกินจุ ในระยะแรกตัวหนอนจะกัดกินที่ผิวใบ เมื่อตัวหนอนโตขึ้นจะกัดกินใบท่าให้เป็นรอยแหว่งเหลือแต่ก้านใบ แมลงชนิดนี้จะท่าลายโดยการกัดกินใบเป็นส่วนใหญ่ และการท่าลายเป็นไปอย่างรวดเร็ว พบตามแหล่งปลูกทั่วๆ ไป ในประเทศไทยในภาคกลางที่จังหวัดราชบุรี นครปฐม กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี เพชรบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครนายก ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ฉะเชิงเทรา ส่วนใหญ่จะระบาดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม |
วงจรขีวิต : | อายุ 30-42 วัน |
ไข่ : | ระยะไข่ 3-4 วัน แม่ผีเสื้อวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ สีขาวนวล หรือเหลืองอ่อนตามใต้ใบ มีลักษณะคล้ายฝาชี ตรงกลางมีรอยบุ๋ม มีผิวเป็นมัน ขนาดของไข่ประมาณ 0.5-0.6 มม. |
หนอน : | ระยะหนอน 14-21 วัน ตัวหนอนโตเต็มที่มีสีเขียวอ่อน ความยาว 2.5-3.5 ซม. หัวเล็ก ล่าตัวแบ่งออกเป็นปล้องชัดเจน และมีขนปกคลุมกระจายทั่วไปใกล้ๆ กับสันหลัง ล่าตัวมีแถบสีขาว 2 แถบขนานกัน เคลื่อนตัวโดยการงอตัวและคืบไป |
ดักแด้ : | อายุดักแด้ประมาณ 5-7 วัน เข้าดักแด้ภายในรังสีขาวตามใต้ใบพืช ดักแด้จะมีสีเขียวในระยะแรกและเปลี่ยนเป็นสีน้่าตาล ขนาดดักแด้ประมาณ 2 ซม. |
ตัวเต็มวัย : | อายุตัวเต็มวัย 8-10 วัน ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อขนาดกลาง เมื่อกางปีกกว้างประมาณ 2.7-3.0 ซม. ปีกคู่หน้าสี น้่าตาลแก่ปนเทา รอบๆ ปลายปีกมีสีน้่าตาลแก่ และปลายสุดของปีกจะมีสีขาว ส่วนท้องปกคลุมด้วยขนสีขาวปนเทา เพศเมียสามารถวางไข่ได้ประมาณ 400-1,150 ฟอง เพศผู้สามารถผสมพันธุ์ได้หลายครั้ง ส่วนเพศเมียผสมพันธุ์ได้เพียงครั้งเดียว |
ระยะทำลายพืช : | หนอน |
พาหะนำโรค : | |
ส่วนของพืชที่่ถูกทำลาย : | ลำต้น ใบ |
พืชอาศัย : | พืชผักตระกูลกะหล่่า เช่น ผักคะน้า กะหล่่าปลี กะหล่่าดอก ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาวปลี ผักกาดเขียว ปลี ผักกาดหัว เป็นต้น |
ศัตรูธรรมชาติ : | หนอนคืบกะหล่่ามีแตนเบียนท่าลายหนอนอยู่ 2 ชนิด คือ Apanteles sp. และ Brachymeria sp.นอกจากนี้ยังมีเชื้อแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis Berliner ซึ่งสามารถท่าลายหนอนคืบกะหล่่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
เขตกรรม : | |
วิธีกล : | การใช้โรงเรือนตาข่ายไนล่อน หรือการปลูกผักกางมุ้ง |
สารสกัด : | |
ฟีโรโมน : | |
สารชีวภัณฑ์ : | การใช้เชื้อแบคทีเรีย (บาซิลลัส ทูริงเยนซิส) ได้แก่ Bacillus thuringiensis subsp. aizawai และ Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki |
สารเคมี : | chlorfluazuron, deltamethrin, emamectin benzoate, lamdacyhalothrin, thiamethoxam+lamdacyhalothrin | สารที่ 1 | สาร lamdacyhalothrin 2.5% EC อัตรา 40 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 3A ระดับความเป็นพิษ LD50 ร้ายแรง 56 มิลลิกรัม สาร profenofos 50% EC อัตรา 40 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 1B ระดับความเป็นพิษ LD50 ปานกลาง 358 มิลลิกรัม สารกลุ่ม 3A ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยจะไปปรับ (modulator) ของ voltagegated sodium channel ที่บริเวณผิว axon ของเซลประสาท ทำให้การปิดของ voltage-gated sodium channel ช้ากว่าปกติ ทำให้ช่วงการถ่ายทอดกระแสประสาทเกิดยาวนาน (hyperexitation) สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วมาก ทำให้แมลงตายทันทีเมื่อแมลงได้รับสาร “knockdown” สารกลุ่ม 1ฺB ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยเป็นตัวยับยั้งการทำงาน (inhibitor) ของเอนไซม์อะเซทิลโคลินเอสเทอเรส ซึ่งทำหน้าที่ย่อยสารสื่อประสาทชนิด acetyl choline ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดกระแสประสาทที่บริเวณปลายประสาท (synapse)จากเซลประสาทหนึ่งไปสู่อีกเซลประสาทหนึ่งในระบบประสาทส่วนกลางของแมลง (central nervous system, CNS) การยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อะเซทิลโคลินเอสเทอเรสทำให้มีการคั่งของสารสื่อประสาท acetyl choline ที่บริเวณปลายประสาทในปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดการถ่ายทอดกระแสประสาทไม่หยุดและเกิดมากเกินไป (hyperexcitation) จนทำให้แมลงตาย |
สารที่ 2 | สาร deltamethrin 3% EC อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 3A ระดับความเป็นพิษ LD50 ร้ายแรง 87 มิลลิกรัม |
สารที่ 3 | สาร chlorfluazuron 5% EC อัตรา 40 มล./น้ำ 20 ลิตร ระดับความเป็นพิษ LD50 น้อย >8,500 มิลลิกรัม กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 15 สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบการเจริญเติบโต สารกลุ่มนี้ได้แก่ สารกลุ่มเบนโซอิลยูเรีย ซึ่งเป็นสารอนุพันธ์ของยูเรีย (H2NCONH2)มีคุณสมบัติในการควบคุมการเจริญเติบโตของแมลงในระยะหนอนผีเสื้อ โดยสารจะไปจับกับเอนไซม์ chitin synthase (CHS1) ทำให้ยับยั้งการสังเคราะห์สารไคติน(chitin) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของผนังลำตัวของหนอนผีเสื้อ เมื่อแมลงไม่มีสารไคตินที่ผนังลำตัวจึงทำให้แมลงตายในขั้นตอนการลอกคราบเนื่องจาก ผนังลำตัวที่สร้างขึ้นมาใหม่จะไม่แข็งแรงเปราะบางผิดปกติ ปริแตกง่าย ทำให้น้ำระเหยออกจากลำตัวแมลงได้ง่ายภายหลังการลอกคราบ แมลงจึงขาดน้ำตาย นอกจากนี้ผนังลำตัวที่สร้างขึ้นมาใหม่จะอ่อนนิ่มเกินไป ไม่สามารถพยุงโครงสร้างรูปทรงของอวัยวะต่างๆ ได้ทำให้แมลงพิการ |
สารที่ 4 | สาร emamectin benzoate 1.92% EC อัตรา 30 มล./น้ำ 20 ลิตร ระดับความเป็นพิษ LD50 ร้ายแรง 76 มิลลิกรัม กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 6 สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โดยจะไปยับยั้งการนำกระแสประสาทระหว่างเซลประสาทและเซลกล้ามเนื้อ โดยสารกลุ่มอะเวอเมคตินจะไปกระตุ้นการจับของ glutamate ที่ Glutamate-gated chloride channels (GluCls) บริเวณปลายเซลประสาทที่เชื่อมต่อกับเซลกล้ามเนื้อ ทำให้คลอไรด์ไอออนจำนวนมากไหลผ่านช่องคลอไรด์เข้าไปในเซลประสาท จึงเกิดการยับยั้งกระแสประสาท หรือเกิด hyperpolarization ขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อแมลงเป็นอัมพาต |
สารที่ 5 | สาร thiamethoxam+lamdacyhalothrin 14.1+10.6 % ZC อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 4A ระดับความเป็นพิษ LD50 ปานกลาง 1,563 มิลลิกรัม + 3A ระดับความเป็นพิษ LD50 น้อย 56 มิลลิกรัม มีพิษต่อผึ้งสูง สารฆ่าแมลงกลุ่ม 4A เป็นสารที่ออก ฤทธิ์ต่อระบบประสาทคล้ายกับสารนิโคตินที่พบในใบ ยาสูบ โดยสารจะเลียนแบบ (agonist) การทำงานของสารสื่อประสาท acetylcholine สารกลุ่มนี้จะไป แข่งขัน (แย่งกัน) กับสารอะเซติลโคลีนในการจับที่ ตัวรับสารอะเซติลโคลีนชนิดนิโคตินิก (nicotinic acetylcholine receptor, nAChR) ที่ผิวของปลายเซลประสาทบริเวณ synapse แล้วกระตุ้นให้nAChRsทำงานในการส่งกระแสประสาทที่มากผิดปกติ (overstimulation) ในระยะแรก ส่วนระยะต่อมาเมื่อ สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้จับที่ตัวรับสารอะเซติลโคลีนชนิดนิ้โคตินิกนานๆ จะทำให้ตัวรับเปลี่ยนรูปทรงไปเป็นรูปทรงที่ไม่สามารถทำงานได้ (desensitized) หรือ nAChD สารฆ่าแมลงกลุ่มนี้มีพิษสูงมากต่อผึ้ง จึงไม่ควรใช้ในพืชช่วงที่พืชกำลังออกดอกและมีผึ้งมาช่วยผสมเกสร สารกลุ่ม 3A ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยจะไปปรับ (modulator) ของ voltagegated sodium channel ที่บริเวณผิว axon ของเซลประสาท ทำให้การปิดของ voltage-gated sodium channel ช้ากว่าปกติ ทำให้ช่วงการถ่ายทอดกระแสประสาทเกิดยาวนาน (hyperexitation) สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วมาก ทำให้แมลงตายทันทีเมื่อแมลงได้รับสาร “knockdown” |
พืชที่ 1 | |
พืชที่ 2 | |
พืชที่ 3 | |
พืชที่ 4 | ผักตระกูลกะหล่ำ คึ่นฉ่าย มันฝรั่ง ข้าวโพด |
พืชที่ 5 | |
พืชที่ 6 | |
พืช EIL : | |
พืชส่งออก : | |
กระบวนการพิเศษ1 | |
กระบวนการพิเศษ2 | |
กระบวนการพิเศษ3 | |
งานวิจัย : | |
แหล่งสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม : |
ฐานข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเทคโนโลยีการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูผักอย่างแม่นยำ 2565-67
ภายใต้แผนงานวิจัยและพัฒนาการผลิตพืชผักด้วยเทคโนโลยีเกษตรขั้นสูงเพื่อเพิ่มผลิตภาพ