Latitude : 0 longittude : 0
ชื่อสามัญ : | (beet armyworm, lesser armyworm) หนอนหลอดหอม, หนอนหอม, หนอนหนังเหนียว |
---|---|
ชื่ออื่น : | หนอนหนังเหนียว |
วงศ์ : | หนอนเมื่อฟักจากไข่ใหม่ๆ จะมีขนาด เล็กประมาณ 1.5 มม. มีลักษณะเรียวยาว หัวแหลมท้ายแหลม ส่วนท้ายมีปุ่มยื่นออกเป็น 2 แฉก และมีสี เขียวอ่อนหรือเทาอ่อน หรือเขียวปนเหลือง เมื่อถูกตัวจะดิ้นอย่างแรงและสร้างใยพาตัวขึ้นลงระหว่างพื้นดิน กับใบพืชได้ หนอนจะกัดกินผิวใบท่าให้ผักเป็นรูพรุนคล้ายร่างแห ระยะหนอนมีการเจริญเติบโต 4 ระยะ ใช้เวลาเฉลี่ย 7-10 วัน และระยะสุดท้ายมีขนาดประมาณ 0.8-1.0 ซม. |
ความสำคัญ และลักษณะการทำลาย : | ศัตรูสำคัญของพืชเศรษฐกิจหลายชนิด กัดกิน ใบ ดอก ผลหรือเจาะฝัก เข้าไปกัดกินเมล็ดภายใน การระบาดในระยะต้นอ่อน ระยะออกดอกและติดฝัก จะทำให้ผลผลิตเสียหายหมด หนอนชนิดนี้มีความต้านทานต่อสารฆ่าแมลงได้ดี |
วงจรขีวิต : | วงจรชีวิตหนอนกระทู้หอมเฉลี่ย 30-35 วัน มีอายุ 10-12 ชั่วอายุขัยต่อปี |
ไข่ : | ระยะไข่ 2-4 วัน วางไข่ได้ประมาณ 50-400 ฟอง ตัวเต็มวัยเพศเมียจะวางไข่ในตอนหัวค่่า (ช่วงเวลา 18.00-20.00 น.) ใต้ใบพืชเป็นกลุ่มเล็กๆ มีจ่านวน ไข่ 20-80 ฟองขึ้นไป กลุ่มไข่ปกคลุมด้วยขนสีขาว |
หนอน : | ระยะหนอน 14-17 วัน ไข่เมื่อฟักเป็นหนอนระยะแรกจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แทะกินผิวใบด้านล่าง และจะอยู่รวมกันจนกระทั่งระยะหนอนวัย 3 มีหลายสีปรับตามสภาพแวดล้อมได้แก่ สีเขียวอ่อน เทา เทาปนด่า น้่าตาลอ่อน น้่าตาลด่า เป็นต้น ด้านข้างจะมีแถบสีขาวข้างละแถบพาดยาวจากส่วนอกถึงปลายสุดของล่าตัว ระยะหนอนมีการเจริญเติบโต 6 ระยะ และหนอนระยะสุดท้ายมีขนาด 2.5 ซม |
ดักแด้ : | ระยะดักแด้ 5-7 วัน หนอนวัย 6 จะเข้าใต้ผิวดินหรือบริเวณโคนต้นพืชเพื่อเข้าดักแด้ ดักแด้มีสีน้่าตาลเข้มยาวประมาณ 1.5 ซม. |
ตัวเต็มวัย : | ตัวเต็มวัยมีอายุเฉลี่ย 4-10 วัน อาศัยอยู่ตามใต้ใบผักเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดกลางสีน้ำตาลแก่ปนเทา กางปีกกว้าง 2.0-2.5 ซม. ลักษณะเด่นคือ มีจุดสีน้ำตาลอ่อน 2 จุดตรงกลางปีกคู่หน้า |
ระยะทำลายพืช : | หนอน |
พาหะนำโรค : | |
ส่วนของพืชที่่ถูกทำลาย : | ใบ ดอก ผล เมล็ด |
พืชอาศัย : | ผักตระกูลกะหล่่าทุกชนิด เช่น ผักคะน้า กะหล่่าปลี กะหล่่าดอก ผักกาดขาวปลี ผักกาดเขียวปลี ผักกาดหัว เป็นต้น นอกจากนี้ยังท่าลายพืชผักชนิดอื่นๆ ไม้ผล พืชไร่ และไม้ดอก เช่น หอมแดง หอมหัวใหญ่ หน่อไม้ฝรั่ง กระเจี๊ยบเขียว พริก องุ่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง กุหลาบ ดาวเรือง และกล้วยไม้ |
ศัตรูธรรมชาติ : | แมลงเบียน เช่น แตนเบียนหนอนMicroplitis manilae Ashmead แตนเบียนหนอน Charops sp. แตนเบียนหนอน Trathala sp. แตนเบียนหนอน Chelonus sp. แตนเบียนหนอน Apanteles sp. และแมลงวัน Peribaea orbata(Wiedemann) แมลงห้่า เช่น มวนพิฆาต Eocanthecona furcellata (Woff) |
เขตกรรม : | ไถพรวนดินตากแดด เพื่อฆ่าดักแด้หนอนกระทู้หอมที่อยู่ในดิน ทำลายซากพืชอาหาร เพื่อลดแหล่งอาหารในการขยายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ท่าให้ช่วยลดการระบาดของหนอน กระทู้หอมในการปลูกผักครั้งต่อไป |
วิธีกล : | เก็บกลุ่มไข่และหนอนท่าลายจะช่วยลดการระบาดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้โรงเรือนตาข่ายไนล่อน หรือการปลูกผักกางมุ้ง โดยการปลูกผักในโรงเรือนที่คลุมด้วยตาข่ายไนล่อนขนาด 16 mesh สามารถป้องกันการเข้าท่าลายของหนอนกระทู้หอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ |
สารสกัด : | |
ฟีโรโมน : | |
สารชีวภัณฑ์ : | 1.Bacillus thuringiensis subsp. kurstakii สูตร WG อัตรา 60-80 ก./น้ำ 20 ลิตร สูตร FC อัตรา 60-100 มล./น้ำ 20 ลิตร 2.Bacillus thuringiensis subsp. aizawai สูตร WDG อัตรา 60-80 ก./น้ำ 20 ลิตร สูตร FC อัตรา 60-100 มล./น้ำ 20 ลิตร 3.Nuclearpolyhedrosis virus or NPV สูตร SC อัตรา 20-30 มล./น้ำ 20 ลิตร |
สารเคมี : | chlorfenapyr, chlorfluazuron, chlorantraniliprole, emamectin benzoate flubendiamide, indoxacarb, lufennuron | สารที่ 1 | สาร triflumuron 25% WP อัตรา 30-40 กรัม/น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 15 ระงับการลอกคราบของหนอน หยุดการสร้างสารไคติน ระดับความเป็นพิษ LD50 น้อย >5,500 มิลลิกรัม |
สารที่ 2 | สาร indoxacarb 15% SC อัตรา 15-30 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 22A ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทบริเวณแกนประสาท โดยขวางช่องผ่าน Voltage-dependent sodium channels ทำให้ไม่สามารถส่งกระแสประสาทผ่านช่องผ่านโซเดียมและเสียสมดุลโซเดียมไอออน เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว เกิดอาการชาไม่รับรู้ความรู้สึก อัมพาตและตาย เมื่อแมลงรับสารในระยะแรกสารจะยังไม่เป็นพิษต่อแมลง (prodrug) จนเมื่อสารถูกย่อยโดยเอนไซม์ amidases หรือเอนไซม์ esterases ระดับความเป็นพิษ LD50 ร้ายแรง 179 มิลลิกรัม |
สารที่ 3 | สาร lufennuron 5% EC อัตรา 20-30 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 15 ยับยั้งการสร้างสารไคติน ทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวแก่ได้ ระดับความเป็นพิษ LD50 น้อย >3,000 มิลลิกรัม |
สารที่ 4 | สาร chlorfenapyr 10% SC อัตรา 30-40 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 13 รบกวนการส่งโปรตอนในกระบวนการออกซิเดทีฟฟอสโฟรีเลชั่น ส่งผลต่อระบบการหายใจและสร้างพลังงาน ระดับความเป็นพิษ LD50 ปานกลาง 441 มิลลิกรัม |
สารที่ 5 | สาร chlorantraniliprole 5.17% SC อัตรา 15-20 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 28 ระดับความเป็นพิษ LD50 น้อย >5,000 มิลลิกรัม สาร flubendiamide 20% WG อัตรา 15-20 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 28 ระดับความเป็นพิษ LD50 น้อย >2,000 มิลลิกรัม สาร emamectin benzoate 1.92% EC อัตรา 15-20 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 6 ระดับความเป็นพิษ LD50 ร้ายแรง 76 มิลลิกรัม สาร chlorfluazuron 5% EC อัตรา 20-30 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 15 ระงับการลอกคราบของหนอน หยุดการสร้างสารไคติน ระดับความเป็นพิษ LD50 น้อย >8,500 มิลลิกรัม สาร tebufenozide 5% EC อัตรา 30-40 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 18 ระดับความเป็นพิษ LD50 น้อย >5,000 มิลลิกรัม |
พืชที่ 1 | |
พืชที่ 2 | |
พืชที่ 3 | |
พืชที่ 4 | 0 |
พืชที่ 5 | |
พืชที่ 6 | |
พืช EIL : | |
พืชส่งออก : | |
กระบวนการพิเศษ1 | |
กระบวนการพิเศษ2 | |
กระบวนการพิเศษ3 | |
งานวิจัย : | |
แหล่งสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม : |
ฐานข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเทคโนโลยีการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูผักอย่างแม่นยำ 2565-67
ภายใต้แผนงานวิจัยและพัฒนาการผลิตพืชผักด้วยเทคโนโลยีเกษตรขั้นสูงเพื่อเพิ่มผลิตภาพ