Latitude : 0 longittude : 0
ชื่อสามัญ : | turnip aphid |
---|---|
ชื่ออื่น : | |
วงศ์ : | Aphididae |
ความสำคัญ และลักษณะการทำลาย : | เพลี้ยอ่อนเข้าท่าลายพืชอาหารโดยใช้ปากที่พัฒนาเป็นท่อยาว ภายในเป็นท่อเล็กๆ ลักษณะคล้าย เส้นด้าย 2 ท่อ ท่อขนาดใหญ่เป็นท่อที่ใช้ดูดน้่าเลี้ยงจากพืช อีกท่อที่มีขนาดเล็กกว่าเป็นท่อที่เพลี้ยอ่อนปล่อย น้่าลายเข้าไปในเนื้อเยื่อพืช เพลี้ยอ่อนทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้่าเลี้ยงจากส่วนอ่อนๆ ของพืช โดยใช้ ส่วนปากแทงเข้าในเนื้อเยื่อระหว่างเซลล์พืช ดูดน้่าเลี้ยงจากพืช เมื่อเข้าท่าลายใบท่าให้ใบหงิกงอและร่วงหล่น ต้นแคระแกรน นอกจากดูดกินน้่าเลี้ยงจากพืชแล้วเพลี้ยอ่อนยังขับถ่ายของเสียที่มีส่วนผสมของน้่าตาลที่เหลือ ใช้ เรียกว่า มูลน้่าหวาน เป็นอาหารของมดและราด่า ราด่าจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วปกคลุมใบและผล ใบจึง ไม่มีพื้นที่ในการปรุงอาหารได้อย่างเต็มที่ ส่าหรับผลจะสกปรกเนื่องจากมูลน้่าหวานและราด่าท่าให้ไม่เป็นที่ ต้องการของตลาด นอกจากนี้เพลี้ยอ่อนยังเป็นพาหะถ่ายทอดเชื้อไวรัสสาเหตุโรคพืชด้วย |
วงจรขีวิต : | อายุจากไข่จนถึงตัวเต็มวัยตาย 12-29 วัน |
ไข่ : | |
หนอน : | |
ดักแด้ : | |
ตัวเต็มวัย : | เพลี้ยอ่อนผัก เป็นแมลงขนาดเล็ก ตัวยาว 1.66-1.92 มิลลิเมตร สีเหลือง สีเหลืองแกมเขียวหรือสีเขียว มีไขสีขาวตามปล้องของล่าตัว หนวดค่อนข้างยาว ส่วนหางมีรูปร่างคล้ายลิ้น เพลี้ยอ่อนผัก มีการลอกคราบ 4 ครั้ง ระยะตัวอ่อน 4-6 วัน ระยะตัวเต็มวัย 5-29 วัน และสามารถออกลูกได้เมื่ออายุ 5-23 วัน ว ตัวแม่ 1 ตัวสามารถออกลูกได้ 33-114 ตัว ตัวเต็มวัยมีทั้งพวกมีปีกและไม่มีปีก เพลี้ยอ่อนจะมีวงจรชีวิตโดยตัวเต็มวัยจะออกลูกเป็นตัวอ่อนได้โดยไม่ต้องผสมพันธุ์กับตัวผู้ ตัวอ่อนมีลักษณะเหมือนตัวเต็มวัยแล้วจะเจริญกลายเป็นตัวเต็มวัย |
ระยะทำลายพืช : | ตัวอ่อน ตัวเต็มวัย |
พาหะนำโรค : | |
ส่วนของพืชที่่ถูกทำลาย : | ใบ ลำต้น |
พืชอาศัย : | คะน้า กะหล่ำปลี พริก ถัวฝักยาว |
ศัตรูธรรมชาติ : | เพลี้ยอ่อนเป็นแมลงที่มีศัตรูธรรมชาติหลายชนิด ทั้งตัวห้่าและตัวเบียน ตัวห้่าที่พบกัดกินเพลี้ยอ่อนที่ พบเห็นอยู่เสมอโดยเฉพาะถ้าในบริเวณนั้นไม่ได้ใช้สารฆ่าแมลง แมลงเหล่านั้น คือ ด้วงเต่า อยู่ในอันดับ Coleoptera วงศ์ Coccinellidae ที่พบเสมอ ได้แก่ ด้วงเต่าชนิด Micraspis discolor (Fabricius) ตัวกลมมีสี ส้มเป็นมัน ขนาดประมาณ 4-5 มม. อีกชนิดหนึ่ง คือ Menochilus sexmaculatus (Fabricius) ตัวกลมมีสีส้ม ซีด มีลายเป็นหยัก 4 จุด และมีจุดสีด่า 2 จุด อยู่ส่วนท้าย และ Coccinella transversalis (Fabricius) ตัว กลมสีส้มแดง มีลายสีด่าเป็นหยัก 6 จุด ซึ่งด้วงเต่าทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะกัดกินเพลี้ยอ่อนได้ถึง 1,167 ตัว ตลอดชีวิต ส่วนแตนเบียนที่พบท่าลายเพลี้ยอ่อนเสมอๆ ได้แก่ Aphidencytis sp. อยู่ในวงศ์ Encyrtidae อันดับ Hymenoptera จะท่าลายเพลี้ยอ่อนโดยแตนเบียนจะวางไข่อาศัยอยู่ในตัวเพลี้ยอ่อนจนกว่าเพลี้ยอ่อนตาย มี ลักษณะเป็นมัมมี่ก้อนกลมสีน้่าตาลด่าแล้วตัวเต็มวัยก็ออกมา เพื่อท่าลายเพลี้ยอ่อนต |
เขตกรรม : | |
วิธีกล : | |
สารสกัด : | |
ฟีโรโมน : | |
สารชีวภัณฑ์ : | |
สารเคมี : | สารที่ 1 | สารอิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 10-20 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤิทธิ์ที่ 4A ระดับความเป็นพิษ LD50 ร้ายแรง 131 มิลลิกรัม |
สารที่ 2 | สารฟิโปรนิล 5% เอสซี อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ที่ 2B ระดับความเป็นพิษ LD50 ร้ายแรง 92 มิลลิกรัม |
สารที่ 3 | - |
สารที่ 4 | |
สารที่ 5 | |
พืชที่ 1 | |
พืชที่ 2 | |
พืชที่ 3 | |
พืชที่ 4 | 0 |
พืชที่ 5 | |
พืชที่ 6 | |
พืช EIL : | |
พืชส่งออก : | |
กระบวนการพิเศษ1 | |
กระบวนการพิเศษ2 | |
กระบวนการพิเศษ3 | |
งานวิจัย : | |
แหล่งสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม : |
ฐานข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเทคโนโลยีการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูผักอย่างแม่นยำ 2565-67
ภายใต้แผนงานวิจัยและพัฒนาการผลิตพืชผักด้วยเทคโนโลยีเกษตรขั้นสูงเพื่อเพิ่มผลิตภาพ